ประเภทอสังหาริมทรัพย์
-- กรุณาเลือก --
ทรัพย์สินพร้อมขาย
ประเภททรัพย์สิน
-- กรุณาเลือก --
โกดัง
ทาวน์เฮ้าส์
สาขาธนาคารปิดทำการ
ที่ดินเปล่า
บ้านเดี่ยว
บ้านแฝด
โรงงาน
ห้องชุด
อาคารพาณิชย์
อื่นๆ
ภาค
-- กรุณาเลือก --
ภาคเหนือ
ภาคกลาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคตะวันตก
ภาคตะวันออก
ภาคใต้
จังหวัด
-- ทุกจังหวัด --
อำเภอ / เขต
-- ทุกเขต --
Sub District
--All--
เนื้อที่
-- กรุณาเลือก --
น้อยกว่า 100 ตร.ม.
101 ตร.ม. -200 ตร.ม.
มากกว่า 200 ตร.ม.
น้อยกว่า 50 ตร.ว.
51 ตร.ว.- 100 ตร.ว.
101 ตร.ว. - 150 ตร.ว.
151 ตร.ว. - 200 ตร.ว.
201 ตร.ว. - 300 ตร.ว.
301 ตร.ว. - 399 ตร.ว.
1 ไร่ - 5 ไร่
6 ไร่ - 10 ไร่
10 ไร่ขึ้นไป
ราคา
-- กรุณาเลือก --
0-500,000 บาท
500,001-1,000,000
1,000,001- 3,000,000
3,000,001- 5,000,000
5,000,001 - 10,000,000
10,000,001 ขึ้นไป
ค้นหาคำ / รหัสทรัพย์
คำค้น
-- กรุณาเลือก --
ทรัพย์สินพร้อมขาย
1. สายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยงาน ที่ทำหน้าที่อย่างไรบ้าง?
A. สายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย มีหน้าที่ในการขายทรัพย์สินของธนาคาร ซึ่งมีทรัพย์สินหลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม พื้นที่สำนักงาน โรงงาน โกดัง ที่ดินเปล่า สนามกอล์ฟ ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน
2. หากสนใจทรัพย์สินของธนาคารฯ จะสามารถติดต่อกับสายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย จากทางใดได้บ้าง?
A. ท่านสามารถติดต่อกับสายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย ได้โดย 1. ติดต่อโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรายการทรัพย์แต่ละรายการ ซึ่งจะปรากฎในหน้ารายละเอียดทรัพย์สินนั้นๆ 2. ติดต่อมายัง สายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 191 ชั้น 6 อาคารหุ่นยนต์ ถ.สาทรใต้ เขตยานนาวา กทม. 10120 โทรศัพท์ 02-343-3300 โทรสาร 02-213-2635-6 เวลาทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 น. – 17.30 น. (หยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์) อีเมล์ UOBAssetSales@uob.co.th 3. ติดต่อผ่านทางสาขาของธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) จำนวน 151 สาขาทั่วประเทศ
3. ธนาคารมีเจ้าหน้าที่บริการพาเยี่ยมชมทรัพย์สินพร้อมขายหรือไม่?
A. เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ธนาคารฯ มีความยินดีในการนัดเยี่ยมชมทรัพย์สิน ซึ่งท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงตามเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฎในหน้ารายละเอียดทรัพย์สิน หรือติดต่อผ่านทางสาขาของธนาคารยูโอบีทั่วประเทศ
4. หากต้องการซื้อทรัพย์สินพร้อมขายของธนาคารฯ ต้องทำอย่างไรบ้าง?
A. กรณีท่านสนใจทรัพย์สินพร้อมขายของธนาคารฯ ท่านสามารถยื่นเอกสารการเสนอซื้อผ่านทางเจ้าหน้าที่สายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย หรือสาขาของธนาคารยูโอบีทั่วประเทศ (ตามรายละเอียดในเมนูขั้นตอนการเสนอซื้อ)
5. กรณีประสงค์จะเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย จะสามารถต่อรองราคาได้หรือไม่?
A. การเสนอซื้อทรัพย์สินในราคาที่ต่ำกว่าราคาประกาศขาย ทางธนาคารฯ จะพิจารณาเป็นรายกรณี ภายหลังการยื่นเอกสารขอเสนอซื้อทรัพย์สิน โดยทางธนาคารฯ จะแจ้งผลการอนุมัติราคาให้ลูกค้าทราบอีกครั้ง
6. กรณีลูกค้าติดต่อเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขายโดยตรงกับเจ้าหน้าที่สายงานบริหารทรัพย์สินพร้อมขาย ที่สำนักงานใหญ่ จะสามารถขอลดราคาได้มากกว่าเสนอซื้อผ่านทางสาขาของธนาคารฯ หรือไม่?
A. ทางธนาคารยูโอบี ได้ดำรงมาตรฐานการดำเนินงาน รวมถึงนโยบายราคา มาโดยตลอด ดังนั้น หากลูกค้ามีความสะดวกในการติดต่อเสนอซื้อผ่านทางสาขาของธนาคารฯ ก็สามารถกระทำได้ โดยไม่มีความแตกต่างเกี่ยวกับการอนุมัติขอลดราคาแต่อย่างใด
7. ในกรณียื่นเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย ลูกค้าต้องวางเงินประกันการเสนอซื้อเท่าไร?
A. ในการยื่นเอกสารคำขอเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขายนั้น ลูกค้าต้องวางเงินประกันการเสนอซื้อเป็นจำนวน 5% ของราคาเสนอซื้อ ชำระโดยแคชเชียร์เช็ค สั่งจ่าย ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) หรือวางเงินประกันการเสนอซื้อที่เคาน์เตอร์ธนาคารยูโอบี ทุกสาขา และหากราคาที่ท่านเสนอซื้อมานั้น ได้รับการอนุมัติจากธนาคารฯ เงินประกันจะนับเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย แต่หากราคาที่ท่านเสนอซื้อมานั้นไม่ได้รับการอนุมัติ ทางธนาคารฯ ยินดีคืนเงินประกันการเสนอซื้อให้กับท่าน
8. หากธนาคารฯ อนุมัติขายในราคาที่เสนอซื้อแล้วลูกค้าเปลี่ยนใจ จะขอเงินประกันคืนได้หรือไม่?
A. กรณีที่ธนาคารฯ อนุมัติขายในราคาที่ลูกค้าเสนอซื้อแล้วนั้น ทางธนาคารฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินประกันดังกล่าว แต่หาก ทางธนาคารฯ ไม่อนุมัติ ธนาคารฯ ยินดีคืนเงินประกันให้กับผู้เสนอซื้อทั้งจำนวน
9. หากลูกค้ามีความประสงค์จะเปลี่ยนชื่อผู้เสนอซื้อ ภายหลังการยื่นขอเสนอซื้อ จะทำได้หรือไม่?
A. ในกรณีการเปลี่ยนชื่อผู้ซื้อ ภายหลังการเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย ที่มีมูลค่าไม่เกิน 10,000,000 ล้านบาท จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนชื่อเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทถ้วน ในกรณีการเปลี่ยนชื่อผู้ซื้อ ภายหลังการเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย ที่มีมูลค่าเกิน 10,000,000 ล้านบาทขึ้นไป จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนชื่อเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทถ้วน
10. หากลูกค้ามีความประสงค์จะเพิ่มชื่อผู้เสนอซื้อ ภายหลังการยื่นขอเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย จะทำได้หรือไม่?
A. ในกรณีการเปลี่ยนชื่อผู้ซื้อ ภายหลังการเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย ที่มีมูลค่าไม่เกิน 10,000,000 ล้านบาท จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนชื่อเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทถ้วน ในกรณีการเปลี่ยนชื่อผู้ซื้อ ภายหลังการเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย ที่มีมูลค่าเกิน 10,000,000 ล้านบาทขึ้นไป จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนชื่อเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทถ้วน
11. ลูกค้าสามารถยื่นขอเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขายได้มากกว่า 1 ชื่อ (ชื่อร่วม) ได้หรือไม่?
A. ลูกค้าสามารถยื่นขอเสนอซื้อได้มากกว่า 1 ชื่อ ทั้งนี้ จะลูกค้าต้องแจ้งความประสงค์มายังธนาคารฯ ก่อนการเสนอซื้อ พร้อมกับแนบหลักฐานของผู้เสนอซื้อให้ครบถ้วน
12. หากลูกค้ามีความประสงค์จะใช้ชื่อร่วมในการยื่นขอซื้อทรัพย์สินพร้อมขาย โดยมิได้เป็นสามี-ภรรยากัน สามารถทำได้หรือไม่?
A. ทำได้ แต่ต้องแนบหลักฐานของผู้เสนอซื้อให้ครบถ้วน
13. ชาวต่างชาติ สามารถเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขายของธนาคารยูโอบี ได้หรือไม่?
A. ปัจจุบันกฎหมายไทยยังไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติและบริษัทที่ชาวต่างชาติถือหุ้นใหญ่ ถือครองกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ในอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่จะได้รับสิทธิตามมาตรการส่งเสริมพิเศษ สำหรับการถือครองกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ในห้องชุดคอนโดมิเนียมนั้น ชาวต่างชาติ หรือบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นใหญ่สามารถเป็นเจ้าของห้องชุดได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 49 ของพื้นที่ขายห้องชุด ในส่วนการโอนกรรมสิทธิ์นั้น ผู้ซื้อชาวต่างชาติจำต้องแสดงหนังสือเดินทาง พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานการโอนเงินตราจากต่างประเทศประกอบการโอนกรรมสิทธิ์ด้วย
14. ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินพร้อมขายของธนาคารยูโอบี ทางธนาคารฯ มีสินเชื่อให้หรือไม่?
A. ในกรณีลูกค้าซื้อทรัพย์สินพร้อมขายและมีความประสงค์จะยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารฯ โดยสามารถคลิกดูรายละเอียดได้ในเมนู “สินเชื่อทรัพย์สินพร้อมขาย” ทั้งนี้ การพิจารณาให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายใดหรือไม่นั้น ถือเป็นสิทธิของธนาคารฯ
15. ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารอื่นได้หรือไม่?
A. ในกรณีที่ลูกค้ามีความประสงค์จะยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารอื่น เป็นสิทธิของลูกค้าที่จะเลือกใช้บริการสินเชื่อธนาคารใดๆ ก็ได้
16. ลูกค้าจะต้องทำการโอนกรรมสิทธิ์ภายในกี่วันนับจากวันเซ็นต์สัญญาจะซื้อจะขาย?
A. ผู้เสนอซื้อ จะต้องจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน ภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญาจะซื้อจะขาย
17. หากมีความจำเป็น ต้องยืดระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์ออกไป เกิน 30 วัน จะทำได้หรือไม่?
A. กรณีผู้เสนอซื้อ มีความจำเป็นในการขอขยายระยะเวลาการรับโอนกรรมสิทธิ์ออกไป สามารถขยายระยะเวลาได้อีกไม่เกิน 30 วัน โดยวางเงินประกันเพิ่มเป็นจำนวน 10% ของราคาซื้อขาย แต่ทั้งนี้ ทางธนาคารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการอนุมัติการขยายระยะเวลาออกไป หากเห็นว่ามีเหตุผลอันไม่สมควร
18. ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม, ค่าภาษี รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการโอนกรรมสิทธิ์?
A. ผู้เสนอซื้อเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม, ค่าภาษี และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ 2% หรือตามอัตราที่กฎหมายกำหนด, ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% หรือตามอัตราที่กฎหมายกำหนด, ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1% หรือตามที่อัตรากฎหมายกำหนด และ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) *อัตราภาษีดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามที่กฎหมายกำหนด
19. กรณีซื้อทรัพย์สินพร้อมขายประเภทห้องชุด หรือบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ที่ได้จัดตั้งนิติบุคคลแล้ว ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าส่วนกลางค้างชำระ?
A. ทางธนาคารฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าส่วนกลางค้างชำระ นับจนถึงวันโอนกรรมสิทธิ์
20. ในกรณีที่ทรัพย์สินพร้อมขายมีผู้บุกรุก และ/หรือ ผู้อยู่อาศัย ใครเป็นผู้เจรจาให้ออกจากทรัพย์สิน?
A. สำหรับทรัพย์สินพร้อมขายที่ทางธนาคารฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้บุกรุกอยู่ก่อนแล้ว การโอนเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ มีผลทำให้การดำเนินคดีเดิมสิ้นสุดลง ดังนั้น หากผู้ซื้อมีความประสงค์จะซื้อทรัพย์สินรายการนั้นๆ ผู้ซื้อจะต้องไปดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บุกรุกต่อ ในนามผู้ถือกรรมสิทธิ์ใหม่ ทั้งนี้ ก่อนการเสนอซื้อทรัพย์สินพร้อมขายใดๆ ก็ตาม ผู้เสนอซื้อควรพิจารณาและรับทราบสภาพของทรัพย์สินนั้นๆโดยครบถ้วน